ศาลจังหวัดเชียงคำ
ตราไว้ในความทรงจำ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทุ่มเทกำลังพระวรกายของพระองค์ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการในการพัฒนาบ้านเมืองเพื่อสร้างความผาสุกแก่ราษฎรในทุกภูมิภาคและเพื่อความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ
ภาพพระราชกรณียกิจบางส่วนที่ทรงปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ นับเป็นภาพแห่งความประทับใจที่เราคนไทยทั้งหลายจะประทับไว้ในความทรงจำตราบกาลนาน
พระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทย
นับจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยพระราชจริยวัตรอันงดงาม
เป็นพระมิ่งขวัญแห่งแผ่นดินที่ปวงชนชาวไทยเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดมา
หลังจากทรงตอบรับคำกราบบังคมทูลเชิญจากรัฐบาลขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเสด็จนิวัตพระนคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง |
|
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ และได้สถาปนาพระอัครมเหสีเป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ |
|
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดของพระมหากษัตริย์ในการเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นเสมือนการประกาศความเป็นองค์พระประมุขของชาติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง และในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” |
|
พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร
เป็นพระราชพิธีต่อเนื่องจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีนัยว่าหมายถึงการเสด็จพระราชดำเนินมาประทับในพระราชมณเฑียร ในพระบรมมหาราชวังตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรในวันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง |
|
พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เนื่องในการประสูติของพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้ง ๔ พระองค์ ตามขัตติยราชประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พระราชโอรสและพระราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธี ฉลองประสูติมงคลขึ้นในวันที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดชภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณสวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร ประสูติเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้ ๑ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ในระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๕ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติเมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้ ๑ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ในระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้ ๑ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ในระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต |
|
พระราชพิธีทรงพระผนวช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะที่มีพระราชศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง มีพระราชประสงค์ที่จะทรงพระผนวชตามโบราณราชประเพณี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดพระราชพิธีทรงพระผนวชในวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ในระหว่างทรงดำรงสมณเพศเป็นระยะเวลา ๑๕ วัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระผนวชประทับที่พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงปฏิบัติพระราชกิจเช่นเดียวกับภิกษุทั่วไป เช่น เสด็จลงพระอุโบสถ ทรงทำวัตรเช้า - เย็น และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับบิณฑบาตจากประชาชน ก่อนทรงลาสิกขาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ |
ทรงเป็นหลักชัยไทยทั่วหล้า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประมุขของชาติ
ทรงให้ความสำคัญต่อกิจการของบ้านเมืองในทุกๆ ด้าน
ทั้งด้านการศาสนา การเมืองการปกครอง การทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ
พระราชพิธีด้านศาสนา เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๐ รัฐบาลได้จัดงานฉลองกึ่งพุทธศตวรรษขึ้น โดยมีการจัดขบวนเรือพระราชพิธีอัญเชิญพระพุทธรูป พระไตรปิฎก และพระสงฆ์ แห่ไปตามลำน้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นการเฉลิมฉลองและระลึกในพระไตรรัตนาธิคุณ มีเรือเข้าร่วมขบวนไม่ครบถ้วน เนื่องจากเรือพระราชพิธีได้ชำรุดเสียหายไปตามสภาพและถูกทำลายจากภาวะสงครามมหาเอเชียบูรพา ต่อมาในพุทธศักราช ๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคขึ้น สำหรับเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ตามราชประเพณีที่เคยมีมา เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป |
|
เมื่อแรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างเสาชิงช้าและเทวสถานโบสถ์พราหมณ์เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์ตามโบราณราชประเพณี โดยให้มีพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมพวาย-ตรีปวาย ในเดือนยี่ของทุกปี พิธีโล้ชิงช้าได้ยกเลิกไปเมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีตรียัมพวาย-ตรีปวาย โดยให้คงไว้เฉพาะส่วนพระราชพิธีในวันแรม ๑ - ๖ ค่ำ เดือนยี่ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชครูพราหมณ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานเจิมเทวรูปก่อนเชิญไปทำพิธีที่ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เมื่อเสร็จพิธี พราหมณ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอุลุบ และเครื่องพิธี เช่น ข้าวตอก ผลไม้ ขนมหวานต่างๆ |
|
แม้ว่าประเทศไทย จะมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนและทรงอุปถัมภ์การเผยแพร่คำสั่งสอนของศาสนาหลักอื่นๆ ที่ประชาชนในประเทศไทยมีความศรัทธานับถือด้วย เช่น
พระราชทานพระคัมภีร์อัลกุรอ่านฉบับคำแปลภาษาไทย แก่ผู้แทนคณะกรรมการอิสลามจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ |
|
ศาสนาคริสต์ ซึ่งได้เผยแผ่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา ก็มีความสัมพันธ์อันดีเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้สมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ ๒ แห่งนครรัฐวาติกัน พระประมุขแห่งคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอลิก เข้าเฝ้าในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔ | |
พระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีและพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๑ เพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ข้าราชการทหารที่เสียสละเพื่อชาติ การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ครั้งที่ ๔ ในรัชกาลที่ ๙ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา ซึ่งได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยา และได้ว่างเว้นไปนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผนวกเข้ากับพระราชพิธีพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี พระราชพิธีที่จัดขึ้นในคราวนั้น คือวันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒ เป็นการเสกน้ำ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนวันที่ ๒๕ มีนาคม ปีเดียวกัน หลังจากพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีถวายคำสัตย์สาบาน ต่อหน้าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดื่มน้ำพระพิพัฒนสัตยาแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ดื่มจนครบทุกคน |
ทรงธำรงมรดกไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติตามโบราณราชประเพณี
ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
ทั้งทรงสนับสนุนกิจกรรมด้านการศาสนาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อธำรงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
จากเหตุการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้องค์พระธาตุพนม พุทธศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครพนม อายุ ๒,๐๐๐ ปี ทรุดตัวพังทลายลงทั้งองค์ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ รัฐบาลและประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุให้สง่างามดังเดิม เมื่อแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธียกฉัตรยอดองค์พระธาตุพนมในวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒ และได้เสด็จพระราชดำเนินไป ในพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ปีเดียวกัน ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม |
|
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดพระราชพิธีสังคายนาพระธรรมวินัย ตรวจชำระพระไตรปิฎก เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีคณะกรรมการปาลิวิโสธกะ ๓ คณะ ตรวจชำระพระไตรปิฎกทั้งภาษามคธและภาษาไทย ณ ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จนแล้วเสร็จและทำพิธีส่งมอบ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๐ | |
พระราชพิธีอันเนื่องด้วยพระบรมศพและพระบรมอัฐิ หลังจากสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง |
ราษฎร์น้อมถวายพระพรชัยมงคล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนาน
ยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ในรัชกาลของพระองค์ จึงมีพระราชพิธี
เนื่องในการฉลองสิริราชสมบัติในหลายวาระ
พสกนิกรชาวไทยต่างร่วมแสดงความจงรักภักดีเสมอมา
พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ในพุทธศักราช ๒๕๓๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีกาญจนาภิเษกขึ้น ในระหว่างวันที่ ๘ - ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๙ ในโอกาสนี้ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้จุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลพร้อมเพรียงกัน ณ ท้องสนามหลวงและทุกภูมิภาคทั่วประเทศ |
|
พุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ซึ่งยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในอดีต ในโอกาสนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พระราชทานชื่อพระราชพิธีว่า "พระราชพิธีกาญจนาภิเษก" โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐาน ณ พระเจดีย์บุษบกโลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๘ | |
พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมใจกัน แสดงความจงรักภักดีและเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี |
|
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานเนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง | |
นอกจากความปีติยินดีด้วยความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยแล้ว พระประมุข ประมุขและผู้แทนพระองค์จากพระราชวงศ์ต่างๆ ทั่วโลก รวม ๒๕ ประเทศ ยังได้เสด็จพระราชดำเนินและเสด็จมาร่วมในงานพระราชพิธีอันเป็นมหามงคลนี้ด้วย |